ภาพไรฝุ่นในเส้นใยฝ้า
ไรฝุ่นนั้นเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาก จนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะมี ขนาดเพียง 0.3 มิลลิเมตร เป็นสัตว์จำพวกแมลงแต่มีลักษณะคล้ายกับแมงมุม
เห็บ หมัด และ มีขา 8 ขา มีหลายพันธุ์
พบเห็นได้ที่เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม
และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากเส้นใยอย่างโซฟาและพรมปูพื้น จนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดเราก็ว่าได้
และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคภูมิแพ้เยื่อจมูกอักเสบ ผิวหนังอักเสบ และโรคหอบหืด
ตัวไรฝุ่นนั้นส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย
แต่อุจจาระและศพของพวกมันต่างหากที่ทำให้เกิดอาการแพ้แก่คน และอาหารของตัวไรฝุ่น คือ
เซลล์ผิวหนังของคนและสัตว์เลี้ยงที่หลุดลอกออกมา โดยทั่วไปผิวหนังของคน นั้นจะหลุดลอกวันละประมาณ 1.5 กรัม
ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอที่จะเลี้ยงตัวไรฝุ่นให้เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีโดยเศษผิวหนังเพียง
1 กรัมก็สามารถเลี้ยงไรฝุ่น 1,000,000 ตัวเป็นเวลาถึง
1 สัปดาห์เต็มๆในประเทศไทยมากกว่า 98% ของห้องนอนสามารถตรวจพบไรฝุ่นได้
ไรฝุ่นอาศัยในบริเวณที่แสงส่องไม่ถึง ชอบความชื้น ไม่ทนต่อความแห้ง อาศัยขี้ไคล
รังแค เป็นอาหาร ส่วนใหญ่ในบ้านเรือนจะอยู่ตาม ที่นอน หมอน เฟอร์นิเจอร์ พรม
ผ้าม่าน ตุ๊กตาของเด็กเล่น ขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว ถ้าอุณหภูมิเหมาะสมที่ 20 ถึง 35 องศา และความชื้นสัมพัทธ์อยู่ที่ 70 -
80% RH
การกำจัดไรฝุ่นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
และเราไม่สามารถมองเห็นไรฝุ่นได้ด้วยตาเปล่า ปัจจุบันนิยมกันมากที่สุดคือใช้วิธีการควบคุมไรฝุ่นด้วยการใช้อุปกรณ์เครื่องนอนที่อ้างว่าควบคุมไรฝุ่นได้
แต่ผลการใช้ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่อ้าง
อาการของผู้ป่วยไม่ได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
เนื่องจากไรฝุ่นยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้ไม่ได้ถูกกำจัดแต่อย่างใด(ไรฝุ่นจะกินราเป็นอาหารและราจะกินมูลไรฝุ่น
เรียกว่าอยู่แบบ symbiosis)
ตารางที่ 1 สถิติความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ย
% RH ของประเทศไทยในช่วงฤดูกาลต่างๆ
ภาค
|
ฤดูหนาว
|
ฤดูร้อน
|
ฤดูฝน
|
ตลอดปี
|
เหนือ
ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง ตะวันออก ใต้ฝั่งตะวันออก ใต้ฝั่งตะวันตก |
73
69 71 71 81 77 |
62
65 69 74 77 76 |
81
80 79 81 78 84 |
74
72 73 76 79 80 |
จากตารางจะเห็นได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกับการแพร่กระจายและเจริญเติบโตของไรฝุ่นเป็นอย่างมาก
ปัจจุบันนอกจากไรฝุ่นแล้ว เป็นที่ยอมรับกันว่า เชื้อรา กลุ่ม Alternaria,Cladosporium, Aspergillus , Mucor, Rhizopus และ Merulius (1)เป็นตัวการของการเกิดสารก่อภูมิแพ้ในบ้านที่สำคัญรองจากไรฝุ่น และเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคภูมิแพ้ ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือที่เรียกว่า โรคแพ้อากาศ ( allergic rhinitis ) และ โรคหืด ( Asthma) จากรายงานต่างๆทั่วโลกมีอุบัติการณ์เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นประเทศในเขตร้อนชื้นจนเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ ที่ใช้งบประมาณและค่าใช้จ่ายในการความคุมและรักษาโรคนี้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี
โดยปกติเชื้อราจะเจริญเติบโตในที่มีความชื้นสัมพัทธ์มากกว่า 60% RH ในบริเวณบ้านที่มีปริมาณเชื้อรามากได้แก่ภายในห้องที่มีความชื้นสูง โดยเฉพาะห้องที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่เมื่อเราปิดเครื่องปรับอากาศ ไอน้ำในอากาศจะเกิดการควบแน่นกลายเป็นหยดน้ำเกาะตามผนังรวมทั้งบริเวณฝ้าและเพดาน ทำให้ที่เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา
ปัจจุบันมีการใช้เครื่องกรองอากาศ ด้วยระบบ High efficiency particulate air filters (HEPA filters) แต่พบว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุนที่เพียงพอในการช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้และลดอาการทางจมูกในโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ ดังนั้นการใช้เครื่องกำจัดไรฝุ่นและจุลชีพทางอากาศ(เครื่องปรับสภาพบรรยากาศ) ด้วยการควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ให้ต่ำคงที่และต่อเนื่องภายในบ้านจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะกำจัดเชื้อราได้ เพราะจากการศึกษาของ R.M. Sterling พบว่าการควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ที่ร้อยละ 50 จะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราได้ดี รวมทั้งยับยั้งการเจริญเติบโตของไรฝุ่น เชื้อไวรัสและแบคทีเรียด้วย
นอกจากนี้
พบว่าคุณภาพอากาศภายในอาคาร(Indoor air quality) ก็เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดการติดเชื้อซึ่งเรามักมองข้ามไป
และมีรายงานว่า
เชื้อแบคทีเรียทางอากาศที่เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อหลังการผ่าตัด
และเป็นปัญหาสำคัญในหอพักผู้ป่วยวิกฤต (Intensive Care Unit) จากสถิติของการตรวจสอบคุณสภาพอากาศโดยสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (Environmental
Protection Agency -EPA) ได้ระบุว่า
"ปริมาณเชื้อโรคภายในอาคารและบ้านเรือนนั้นมีมากกว่าบริเวณเปิดภายนอกอาคารหลายเท่าตัว"
โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่เป็นอาคารที่รวมผู้ป่วยหลายๆโรคไว้และยังเป็นสถานที่ที่มีคนเข้าออกจำนวนมาก
ซึ่งถือเป็นแหล่งกักเก็บเชื้อก่อโรคที่พร้อมจะติดต่อจากผู้หนึ่งไปยังอีกผู้หนึ่งได้เป็นอย่างดี
เชื้อโรคที่สามารถแพร่กระจายทางอากาศมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือแม้แต่ไวรัส โดยเชื้อโรคที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ในการเกิดโรคของทางโสต ศอ นาสิก อาทิเช่น Streptococcus pneumonia, Haemophilus influenzae, Moraxella catarrhalis, Pseudomonas aeruginosa, Staphylococcus aureus, Mycoplasma pneumoniae, Aspergillus spp., Parainfluenza, Varicella-zoster, Adenoviruses ซึ่งเชื้อเหล่านี้สามารถแขวนลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลานาน โดยปกติแล้วเชื้อโรคจะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้ 3-4 วัน หรืออาจนานเป็นเดือน เมื่อในห้องมีสภาพอากาศที่เหมาะสม การสัมผัสกับเชื้อโรคในช่วงร่างกายอ่อนแอและมีปริมาณมากพอ จะทำให้เกิดการติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนได้
ดูตัวเป็นๆของตัวไรฝุ่นที่นี่ ตัวไรฝุ่นซุกในผ้า พรม โดยเฉพาะในฟูกที่นอน มีการวิจัยพบว่าใต้ฟูกคนไทยจะมีมากกว่า 2 ล้านตัว ที่คนไทยต้องนอนอยู่ร่วมกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น