แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัณโรค แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ วัณโรค แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อัตราคนมีปัญหาบรรจุไม่ได้ ก็ต้องมีมาตราการณ์ป้องกันคนที่ทำงานอยู่ ทำงานแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีหน่อยนะ ทุกวันนี้บุคลากรการแพทย์ต้องเสี่ยงติดเชื้อโรคในสถานที่ปฎิบัติการเพียบ

เมื่ออัตราคนมีปัญหาบรรจุไม่ได้ ก็ต้องมีมาตราการณ์ป้องกันคนที่ทำงานอยู่ ทำงานแบบมีคุณภาพชีวิตที่ดีหน่อยนะ ทุกวันนี้บุคลากรการแพทย์ต้องเสี่ยงติดเชื้อโรคในสถานที่ปฎิบัติการเพียบ เป็นอะไรขึ้นมา ไม่คุ้มกับการสูญเสียเลย
.

ช่วงนี้มีข่าวน้องหมอจบใหม่ เสียชีวิตค่อนข้างติดๆกัน รายแรกทราบว่าติดเชื้อวัณโรคจากคนไข้และเป็นเชื้อดื้อยารุนแรง อีกรายคือคุณหมอหนุ่มร่างกายกำยำที่สงสัยว่าปอดติดเชื้อจนมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดและเสียชีวิตในที่สุด ก่อนอื่นพี่ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของน้องหมอทั้งสองคนที่เชื่อว่าน้องๆทั้งคู่น่าจะเป็นความหวังและเสาหลักของครอบครัว

เรื่องการเสียชีวิตของแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก มีข่าวอยู่เนืองๆ ทั้งอุบัติเหตุจากการพักผ่อนไม่พอขับรถหลับใน โรคภัยไข้เจ็บ แม้กระทั่งการฆ่าตัวตายจากความเครียด จากหลากหลายปัจจัย ทำให้เราต้องสูญเสียคนหนุ่มสาวมีอนาคตที่ยังควรจะสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้อีกหลายหมื่นหลายแสนคนไปอีก 30-40ปี

ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือระบบงานสาธารณสุขของประเทศ ที่มีภาระงานหนักหน่วงเกินกว่าที่บุคลากรที่มีอยู่จะสามารถรับมือได้อย่างเพียงพอ การอยู่โยงเวร 72ชม. ได้นอนเป็นงีบๆ มีให้เห็นอยู่ในยุคปัจจุบัน การที่ต้องออกตรวจทั้งๆที่ตัวหมอตัวพยาบาลป่วย คาสายน้ำเกลือ ฉีดยาฆ่าเชื้อไปตรวจไป ยังเป็นเรื่องปกติในโรงพยาบาลรัฐ สุดท้ายแล้วถ้าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข บุคลากรไม่ได้รับการเพิ่มจำนวนให้เพียงพอกับภาระงาน ไม่มีการควบคุมชั่วโมงการทำงานให้พอเหมาะ แต่ยังอ้างคำว่า "เสียสละ" และ "จรรยาบรรณ" มาก่อนตลอดเวลา เคสนี้ก็ยังไม่ใช่เคสสุดท้าย ที่เราจะต้องสูญเสียหมอหนุ่มสาวอายุน้อยไปก่อนวัยอันควร

ประเด็นที่ควรต้องพูดถึงกันจริงๆ อาจไม่ใช่การชื่นชมการเสียชีวิตในหน้าที่ (เราไม่ได้อยู่ในสนามรบ ไม่ได้ไปฆ่าฟันกับใคร เหตุแบบนี้มันไม่ควรเกิด) แต่คำถามสำคัญกว่านั้นคือ ระบบสาธารณสุขของประเทศนี้จะดูแลปกป้องบุคลากรให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร

สุดท้าย หากมีน้องๆหมอพยาบาลบุคลากรทางการแพทย์หรือสาขาอื่นๆได้อ่านอยู่ ในฐานะรุ่นพี่อยากฝากข้อคิดไว้ว่า การมีอุดมการณ์เป็นสิ่งดี การทุ่มเทแรงทั้งกายใจเพื่อช่วยชีวิตคนไข้เป็นเรื่องประเสริฐ แต่อย่าลืมดูแลตัวเอง และคนข้างหลัง เราไม่ได้จะเรียนจบออกมาเพื่อทำงานจนตายไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง และทิ้งคนข้างหลังเอาไว้โดยไม่มีโอกาสได้ดูแลใครในครอบครัวเลย

ป.ล. ในประเทศที่พัฒนาแล้วการตายของบุคลากรในที่ทำงาน จะได้รับการสอบสวนหาสาเหตุอย่างหนัก สิ่งที่ได้จะไม่ใช่แค่คำชื่นชมในหนังสือพิมพ์รายวันหน้าหนึ่ง
Admin Dr. Jame

https://web.facebook.com/Drnextdoor/?hc ... ED&fref=nf


วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557


ในแต่ละปีทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจากวัณโรคประมาน 2-3 ล้านคน ในจำนวนนี้จะเป็นเด็กประมาณ1 แสนคน    คาดว่าในปีพ.ศ.2563 จะมีผู้ติดเชื้อวัณโรคเพิ่มขึ้นเกือบ 1 พันล้านคน และมีผู้เสียชีวิตประมาณ 70 ล้านคน  
 
 
วัณโรคเป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่สามารถแพร่กระจายทางอากาศไปสู่ผู้อื่นได้ง่าย   หลังจากที่ได้มีการค้นพบยาที่ใช้รักษาได้ผลดี และมีวัคซีนฉีดป้องกันทำให้ผู้ป่วยวัณโรคลดน้อยลง   ในปี พ.ศ.2539  ประเทศไทยมีผู้ป่วยเป็นวัณโรคประมาณ 8 หมื่นคน และในปี พ.ศ.2534  ผู้ป่วยลดลงเหลือ 4 หมื่นคน ต่อมาในปี พ.ศ.2535-2536  ได้มีการระบาดของโรคติดเชื้อเอชไอวีไปทั่วประเทศ ทำให้การแทรกซ้อนของวัณโรคในผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
 
จากข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ขณะนี้มีผู้ป่วยวัณโรคเพิ่มขึ้นปีละ 5 หมื่นคนและครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระยะแพร่เชื้อผู้ป่วยวัณโรคระยะแพร่เชื้อ 1 ราย ถ้าไม่ได้รับการรักษาสามารถทำให้คนรอบข้างติดเชื้อได้ 10 -15 คนต่อปี  และวัณโรคเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเสียชีวิต

องค์การอนามัยโลกได้จัดอันดับประเทศไทยอยู่เป็นลำดับที่ 17 จากกลุ่ม 22 ประเทศที่มีปัญหาด้านวัณโรค  ซึ่ง 3 อันดับแรกได้แก่ อินเดีย จีน และอินโดนีเซีย จำนวนผู้ป่วยวัณโรคในไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะการควบคุมการแพร่ระบาดของวัณโรคไม่ถึงเป้าหมาย   ที่สำคัญคือปัญหาผู้ป่วยกินยาไม่ต่อเนื่องจนเกิดวัณโรคสายพันธุ์ดื้อยาอย่างรุนแรง หรือ Extensively drug resistant tuberculosis (XDR-TB) ปัญหาการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง  และปัญหาแรงงานต่างชาติที่เป็นวัณโรคหรือเป็นพาหะของโรคเข้ามาหางานทำในเมืองไทยกันมากขึ้น

วัณโรคหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ฝีในท้อง  เรารู้จักกันในชื่อของทีบี(TB)ซึ่งเป็นชื่อย่อของTuberculosis  เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียชื่อ Mycobacterium tuberculosis เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินหายใจในรูปละอองเสมหะ เชื้อวัณโรคจะผ่านเข้าสู่ปอดและเริ่มแบ่งตัวแพร่ต่อไป   ส่วนใหญ่ทำให้เกิดวัณโรคปอด แต่อาจแพร่กระจายไปที่อื่นๆ ในร่างกายทำให้เกิดวัณโรคที่อวัยวะนั้นๆ เช่น ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลืองกระดูก  ข้อ ไต และเยื่อหุ้มสมอง บุคคลที่มีโอกาสติดเชื้อง่ายได้แก่ผู้สูงอายุ  ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน, ติดเหล้าและภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ในตอนแรกที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายจะยังไม่แสดงอาการ  และไม่พบความผิดปกติในเอกซเรย์ปอดแต่ในเวลาต่อมา ซึ่งอาจนานเป็นปี เมื่อวัณโรคเริ่มเป็นมากขึ้นจะปรากฏอาการอื่นให้เห็น เช่นไอเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ บางรายไอแห้งๆ อาจมีเสมหะสีเหลือง เขียว หรือไอปนเลือด เจ็บแน่นหน้าอก มีไข้ต่ำๆ ตอนบ่ายหรือเย็น เหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย  เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

วัณโรคเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้  ในช่วง 2 เดือนแรกจะใช้ยาร่วมกัน 3-4 ชนิดหลังจากนั้นจึงลดยาเหลือ 2 ชนิดเป็นเวลาต่อไปทั้งหมด รวม 6-9 เดือนนิยมให้ยารับประทานรวมกันเวลาเดียวก่อนนอนภายหลังให้การรักษาอาการต่างๆของผู้ป่วยจะค่อยๆดีขึ้น ใน 2 สัปดาห์ และใกล้เคียงปกติภายในระยะ 2 เดือน ยกเว้นผู้ป่วยที่เชื้อดื้อยาหรือเป็นโรคมานานและได้รับการรักษาช้าจะต้องทำการรักษาต่อเนื่องเป็นเวลา 1 –2 ปี ยาวัณโรคในปัจจุบันหลักๆจะมีอยู่ 4 ชนิดคือ  Isoniazid, Rifampicin ,Pyrazinamide  และ Ethambutolผู้ป่วยควรกินยาครบตามที่แพทย์สั่ง ถ้ากินๆหยุดๆอาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อวัณโรคดื้อยาได้ จะทำให้ระยะเวลาการรักษายาวนานและรักษายากยิ่งขึ้น  ยาที่กล่าวมาในข้างต้นนี้มีผลข้างเคียงทุกตัว จึงต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์และเภสัชกร   การรักษาจะได้ผลดีต่อเมื่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มแรกรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน   หมั่นดูแลสุขภาพของตนเองและคนรอบข้างก็จะช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจาย และทำให้โรคนี้หมดไปจากประเทศไทยได้