วันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เซราไมด์ (Ceramide) เป็นตัวเชื่อมให้เคราตินซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวชั้นบนสุด

เซราไมด์ (Ceramide)

เป็นตัวเชื่อมให้เคราตินซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวชั้นบนสุด 

ให้เรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ


  • ช่วยให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิว และร่างกายจากการคุกคามของเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอม
  • ลดการสูญเสียน้ำของผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง ช่วยลดการสูญเสียการอุ้มน้ำตามธรรมชาติ (Natural Moisturizing Factor)
  • ลดการสังเคราะห์เมลานิน หรือ เม็ดสีผิว ทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น
เซราไมด์ (Ceramide) เป็นสารจำพวกไขมัน หรือ ไลปิดชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า สฟิงโกไลปิด (Sphingolipid) โดยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ (Cell Membrane) ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องเซลล์จากสิ่งแปลกปลอมภายนอก เซราไมด์ ถูกพบได้ที่ผิวชั้นบน ของหนังกำพร้า (Epidermis) โดยสร้างขึ้นภายในเซลล์ผิว (Keratinocyes) และปล่อยออกมาเมื่อเซลล์ผิวเคลื่อนที่่สู่ผิวชั้นบน เซราไมด์ จึงเป็นสารตามธรรมชาติที่แทรกอยู่ระหว่างเคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของผิวชั้นบนสุด เซราไมด์ เชื่อมเคราตินให้เรียงตัวกันเป็นระเบียบ ส่งผลให้ผิวทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันการสูญเสียน้ำของผิว เมื่อผิวขาด เซราไมด์ จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ผิวพรรณไม่สดใส

ผลเสียของการขาด เซราไมด์ (Ceramide)


  • ทำให้เคราตินเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ
  • ทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดอาการแพ้ และติดเชื้อได้ง่าย
  • ทำให้ผิวแห้งตึง แตกลาย ไม่สดใส
  • ทำให้ผิวมีริ้วรอย ร่องลึก


วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Oxygeskin คือสารสกัดจากธรรมชาติ ไปเร่งการเกิดปฎิกริยากระตุ้นให้มีการสร้างออกซิเจนเพิ่มขึ้น

Oxygeskin หรือ Oxy-G skin booster คืออะไร ...

สารสกัดจากธรรมชาติ ไปเร่งการเกิดปฎิกริยากระตุ้นให้มีการสร้างออกซิเจนเพิ่มขึ้น การมีออกซิเจนซึ่งเป็นอาหารหลักของผิว จะทำให้ผิวได้รับออกซิเจน มีความเรียบกระจ่างใส สีขาวอมชมพู เพราะเซลล์ผิวสมบูรณ์

การที่ผิวหน้าขาดออกซิเจน ไม่ว่าจะตากตรำหรือคร่ำเครียด ก็ทำให้ผิวหน้าสร้างออกซิเจนได้น้อยลง เซลล์ผิวก็จะห่อเหี่ยวไป ทำให้ดูหยาบกร้าน แก่ก่อนวัยอันควร ... การที่ Oxygeskin ไปปรับขบวนการสร้างออกซิเจนขึ้นมา ก็มีผลโดยตรงต่อเซลล์ผิวสมบูรณ์


อ๊อกซิเจนสกิน สารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดของดอกไม้สีแดง Tropaeolum Majus เป็นดอกไม้มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบคุณสมบัติฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสอย่างรวดเร็ว


Oxygeskin Tested for Efficacy to Fight Blue Light


มีการทดสอบประสิทธิภาพการทำงานของ Oxygeskin ในการเร่งผลิตออกซิเจนแก่เซลล์ผิว ด้วยการนำแสงสีฟ้า (ปรกติทำลายเซลล์ผิวหนัง)  พบว่า

ในการทดสอบด้วยกลุ่มตัวอย่างอาสาสมัคร ที่มีผิวเสียถูกทำลายอย่างน้อย 10 ปี ... Oxygeskin (Tropaeolum Majus Extract) จะไปมีผลให้เซลล์ผิวหนังฟื้นคืนชีพ และเร่งปฎิกริยาการเกิดออกซิเจน ทำให้เซลล์ผิวหนังมีคุณภาพดีขึ้น และเติบโตแข็งแรง ตรวจพบว่า

1. ผิวหนังชั้นปกคลุม มีการลดสูญเสียน้ำออกไป มากกว่า 11.5%
2. กระชับรูขุมขน และลดริ้วรอย ได้ 16.4%
3. ทำให้ผิวหนังเป็นเนื้อเดียวกัน 28.9%

โดยปรกติ แสงสีฟ้าจะทำให้ปริมาณออกซิเจนน้อยลง (จากการอ่านค่าเซ็นเซอร์ พบว่าน้อยลง 44%) ขณะที่ Oxygeskin ไปเพิ่มปริมาณถึง 26%  พร้อมกับการไปเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังได้อีก 92%

ตัวร้ายทำลายผิวที่อยู่ใกล้ตัวสุดๆ มารู้จักกับ Blue Light กัน
“แสงแดด” ศัตรูที่สำคัญของผิวหน้า ซึ่งประกอบไปด้วยรังสีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า คือ “รังสี UVB” จะทะลุเข้าไปทำลายผิวชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นสาเหตุให้ผิวไหม้เกรียมแดด และ “รังสี UVA” จะเข้าไปทำลายผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) ในส่วนของคอลลาเจน อิลาสติน เป็นสาเหตุของผิวเหี่ยวย่นและจุดด่างดำ แม้ในแต่ละวันเราสามารถหลีกเลี่ยงอันตรายจากรังสี UVB และ UVA ได้ แต่ก็ยังมีศัตรูของผิวหน้าอีกหนึ่งอย่างที่คุณไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คือ “Blue Light” Blue Light ทำร้ายผิวในชั้นที่ลึกมากกว่าแสงแดด**




Blue Light คือแสงที่มาจากโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ ซึ่งในชีวิตประจำวันเราใช้อุปกรณ์เหล่านี้อยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่า Blue Light อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าแสงแดดเสียอีก Blue Light จะทะลุผ่านผิวชั้นหนังกำพร้าและผิวชั้นหนังแท้ ลงไปถึงขั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Tissue) เข้าไปทำลายเซลล์ผิว คอลลาเจน อิลาสตินและ DNA และสร้างสารออกซิแดนท์ขึ้นมาทำให้ผิวเสื่อมสภาพหรือ "ผิวแก่" เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย