คลั่งขาว!! เตือนระวัง "น้ำยาลอกผิว" หนังลอก -ไตวาย
“น้ำยาลอกผิว” กำลังเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายคนนิยมต้องการกันอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติสามารถเปลี่ยนผิวกายที่หมองคล้ำให้กลับมาขาวสดใส จนน่าทึ่งในระยะเวลาไม่เดือน แต่มีอันตรายมากกว่าผลดี
ปัจจุบันน้ำยาลอกผิว เราจพบโฆษณาง่าย ๆ ได้ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งบรรยายสรรพคุณสารพัดและมีราคาถูก ซึ่งค่อนข้างน่ากลัวมาก ที่เขาขายกันจะเป็นในรูปตลับ หรือเป็นลิตรและเป็นแกลลอนเลยก็มี เพื่อนำมาอาบหรือทา พอก 2 ชั้น 3 ชั้น มีyoutube แสดงให้เห็นว่าใช้อย่างไร พวกนี้พอทาไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ ผิวก็จะลอกออกมาเป็นแผ่น สิ่งที่ลอกออกมา ก็คือผิวชั้นนอกของเรา ในทางการแพทย์ก็มีวิธีการลอกผิวด้วยสารเคมีที่มีความปลอดภัย เช่น AHA ที่ใช้ลอกเพื่อรักษาผิวหน้าที่มีปัญหา เช่น เป็นหลุมสิว เป็นสิวเป็นฝ้า ทีนี้พอวัยรุ่นมาเห็นก็อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ก็เลยนำมาใช้นำมาขัดกัน โดยตัวที่นำมาใช้จะเป็นกรดแบบแรง ใช้ไปมันก็จะกัด จะทำให้ไหม้ผิว เวลาเราทาลงไปในบริเวณใบหน้า หรือแขนขาที่มันไม่แสบเนื่องจากว่า น้ำยาลอกผิวเหล่านี้จะใส่ยาชาเข้าไปด้วย นอกเหนือจากกับผสมสารเคมีชนิดอื่นๆ ที่เช่นสี ให้มีหลายแบบ เพื่อบอกว่าสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือแบบแรง ปรุงแต่งเข้าไปอีก
“ครีมมหัศจรรย์หน้าขาวใสเด้งทันทีชนิดนี้ไม่มีแน่นอนในสารระบบวงการยาและวงการแพทย์” หากนำไปใช้แล้ว ผู้บริโภคขาวเร็ว หน้าเด้ง สิวหาย ต้องเริ่มคิดแล้วว่า มันเป็นครีมอะไรและมีความปลอดภัยหรือไม่ เช่น มีสารปรอทเป็นส่วนผสมหรือเปล่า ซึ่งจะมีอันตรายในระยะยาวได้
สำหรับสารปรอท มีการนำมาใช้นานแล้ว ต่อมาก็มีสารประเภทไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นสารที่ผิดกฏหมายทั้งสองชนิดในการนำมาใช้กับเครื่องสำอาง สำหรับสารปรอทจะไปทำลายเม็ดสีถาวร เมื่อใช้ครั้งแรก ๆ ก็จะขาว แต่พอใช้ไปนาน ๆไป จะทำให้หน้าขาวเป็นด่าง ๆ แล้วเราก็จะใช้เครื่องสำอางอะไรไม่ได้ จะแพ้และไวต่อทุกอย่าง เครื่องสำอางที่ตัวเราเองเคยใช้ได้ ก็จะใช้ไม่ได้แล้ว ที่สำคัญหน้าก็จะกลับมาดำกว่าเดิม กระดำกระด่างจะแพ้ง่าย ใช้เครื่องสำอางอะไรก็ไม่ค่อยได้ พวกสารปรอทเวลามันซึมเข้าไปในผิว ก็จะทำให้มีผลต่อไต ทำให้เกิดไตวายได้ และน้ำยาลอกขาวนั้น มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นกรดชนิดรุนแรง จะเกิดการกัดผิวจนไหม้จนลอกผิวหนังชั้นนอกออกมา โดยผิวหนังชั้นนี้เป็นชั้นขี้ไคลส่งผลให้ดูขาวขึ้น เมื่อใช้ติดต่อกันผิวหนังชั้นนอกของเราก็จะตายไปด้วย เมื่อเจอแสงแดดอีก ผิวก็กลับมาเป็นอย่างเดิม อีกทั้งไม่มีเม็ดสีป้องกันแสงแดด ป้องกันการไหม้ก็อาจมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ หากรุนแรงกว่านี้ จะส่งผลทำให้ผิวเกิดแผลไหม้ อาจติดเชื้อจนเกิดอันตรายตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น มีบางเคสใช้น้ำยาลอกหน้าแล้วเกิดแผลจนติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งเป็นอันตรายมาก หากเกิดที่ตาอาจทำให้ตาบอดได้
ดังนั้น เห็นได้ชัดว่า ครีมผิวขาว น้ำยาลอกผิว ฯลฯ ตามทางตลาดหรืออินเตอร์เน็ตนั้น ไม่สามารถทำให้เราขาวได้ถาวร ซ้ำยังเป็นอันตรายว่าร่างกายของเราอีกด้วย ทางที่ดีที่สุดเราทุกคนควรจะหันมาดูแลสุขภาพ ผิวพรรณ ด้วยวิธีธรรมชาติด้วยการออกกำลังกาย หรือทำวิธีตามข้อมูลข้างต้นนี้ พอใจกับลักษณะของแต่ละบุคคล เพียงเท่านั้น จะสวยทั้งภายนอกและภายในอย่างแน่นอน
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมหน้าเด้ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ครีมหน้าเด้ง แสดงบทความทั้งหมด
วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559
ภัยเงียบจากครีมหน้าใส หน้าเด้ง ยาหมอ ฉีดสิว ... "สิวสเตียรอยด์"
ได้พบเห็นผู้ที่รับเคราะห์จากการใช้เครื่องสำอางค์ที่ถูกต้อง (แต่มีสารเคมี) หรือปนสารอันตราย หรือปลอมทั้งสูตรเลย มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากการหากินบนความทุกข์ของคนที่รักสวยงาม ... อีกทั้งความใจร้อนของผู้ที่มีปัญหาด้านผิว ก็เป็นตัวเร่งให้ตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เสี่ยงต่อผลข้างเคียง หรือบางคนหลงเป็นเหยื่อโฆษณาได้ง่ายขึ้น
ตัวอย่างที่พบได้บ่อยจากผู้ใช้เครื่องสำอางค์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ (คนใช้ไม่รู้ว่ามีอะไรผสม แต่อะไรก็ตามที่แสดงผลไว มักมีสารอันตรายผสมไม่มากก็น้อย) ทำให้ปัญหาทางอารมณ์ตามมาอย่างต่อเนื่อง บดบังการมองหาสาเหตุต้นตอของปัญหา อาทิเช่น
คนติดสเตียรอยด์จะประมาณว่าเหมือนคนติดยา พอได้รับยาอาการดีขึ้นเร็ว หาย หน้าใส แต่เมื่อไหร่ที่หยุด หน้าจะพังและร่างกายลุกขึ้นมาประท้วงว่าต้องการยา เราต้องใจแข็งมากๆในการหยุดใช้ให้ได้ คนส่วนมากมักท้อใจ เหนื่อยใจ และหมดกำลังใจ แต่อีกหลายคนก็ผ่านมันไปได้ อย่าตกเป็นทาสของมันต่อไป
การรักษาสิวสเตียรอยด์ หรือคนที่ติดสเตียรอยด์แล้ว เป็นเรื่องเหมือนการรักษาคนที่ติดยาเสพติด ต้องใช้ความใจเย็น เพื่อการกลับคืนของผิวหนังแบบธรรมชาติอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในวังวนการรักษาแบบเดิมๆ ที่ไม่มีวันหายขาด
สารสเตียรอยด์เราพบได้ที่ไหนบ่อยที่สุดและมากที่สุด
1.ยาแต้มสิว
2.ยาฉีดสิว
3.ยาทานแก้สิวอักเสบ
4.ครีมหน้าใส หน้าขาว หน้าเด้ง
5.ครีมรักษาสิว
การดูจากฉลากก็ไม่แน่ว่าจะผสมสารสเตียรอยด์หรือเปล่า เราไม่มีทางรู้ได้ (ฉลากไม่เขียนว่ามีหรอก) เราอาจสังเกตุง่ายๆว่า เมื่อทาผิวหน้าแล้ว ผิวหน้าที่มีปัญหาเหล่านั้นจะหายไปเร็วมาก หน้าจะใส เนียน ขาว ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันสั้น แต่สารสเตียรอยด์เหล่านี้จะสะสมอยู่ในผิวเป็นเดือน หรืออาจเป็นปี จากนั้นก็ได้เวลาที่มันจะแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นว่า ทำลายผิวหน้าไปแล้วขนาดไหน
ในปัจจุบันครีมหลายยี่ห้อที่ต้องการความรวดเร็วในการเห็นผล หรือรักษาแบบตั๋วด่วน มักจะผสมสารสเตียรอยด์ เราก็จะได้เห็นฤทธิ์เดชของผลข้างเคียงที่มีความอันตรายกล่าวคือ
1.ผด ผื่น ขึ้นง่ายมาก
2.เกิดสิวผด เป็นปื้นๆ
3.ผิวแดง เหมือนแพ้อะไรมา
4.อาการคัน
5.ผิวบางและแพ้ง่าย โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แพ้
6.สิวเม็ดแดงๆ ขึ้นกระจายทั่วทั้งหน้า หรือเป็นกระจุกบริเวณใดบริเวณหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทาครีม จะเยอะมากเป็นพิเศษ
7.สิวอุดตันที่ขึ้นมา กดออกมาจะมีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็ได้ แต่มักจะแดง
8.สิวอักเสบที่มีเม็ดจะใหญ่และเจ็บ และไม่มีหัว จะเป็นอักเสบหัวแดง ใช้เวลานานกว่าจะยุบ
9.สิวขึ้นเห่อ
10.สำหรับคนผิวมัน หน้าจะมันขึ้น หลังหยุดใช้ครีมผสมสเตียรอยด์
11.ผิวจะดูเหี่ยวเร็ว เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว หน้าหมองคล้ำได้เมื่อใช้เป็นเวลานาน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นดูแก่กว่าวัย
เริ่นต้นแก้ไขให้ถูกต้องเลย คือ
1.ไม่ควรใช้สเตียรอยด์อีกเลย
2.ไม่ควรใช้สารที่มีฟอง ล้างหน้า เช่น ในโฟม สบู่ เพราะมีโซเดียม หรือสารเคมีพวกโซเดียมลอริล/โซเดี่ยมลอเรตซัลเฟส หรือสารเคมีที่คล้ายๆกัน เพราะระคายเคืองผิวหนัง กระตุ้นการเกิดสิวกลับมาอีก
3.ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง ที่มีสารฟอกหน้าขาว สารลอกผิว.ปรอท.ฯลฯ เพื่อหวังหน้าขาว หรือลอกฝ้ากระ ซึ่งต่อมามักจะสร้างปัญหามากกว่าสิวด้วยซ้ำ
4.หันมาใช้สารธรรมชาติหรือสารสกัดธรรมชาติ แทน ในการล้างหน้า บำรุงผิว เท่าที่จำเป็น อาจต้องเอาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติบางประเภทเข้ามาช่วยในระยะสั้น
เมื่อทำได้ ความรุนแรงของการทำลายผิวหน้าตัวเองด้วยสารสเตียรอยด์ก็จะหมดไป หน้าก็จะกลับคืนสวยใสดั่งธรรมชาติที่ควรเป็นอีกครั้งหนึ่ง
ตัวอย่างที่พบได้บ่อยจากผู้ใช้เครื่องสำอางค์ที่ผสมสารสเตียรอยด์ (คนใช้ไม่รู้ว่ามีอะไรผสม แต่อะไรก็ตามที่แสดงผลไว มักมีสารอันตรายผสมไม่มากก็น้อย) ทำให้ปัญหาทางอารมณ์ตามมาอย่างต่อเนื่อง บดบังการมองหาสาเหตุต้นตอของปัญหา อาทิเช่น
- พอหยุดใช้ ไม่ได้ทา หันไปใช้ลังโคม ผดขึ้น (จากการหยุดสเตียรอยด์) ก็โทษลังโคม ว่าแพ้ลังโคม
- พอเปลี่ยนไปใช้ La Mer บ้าง สิวขึ้น ผดมาเต็มหน้า (เพราะฤทธิ์ของสเตียรอยด์) ก็โทษ La mer เที่ยวบอกว่าแพ้ La mer
- พอไปใช้ยูเซอรี สิวผด สิวเห่อ ก็ไม่หาย ไปพึ่ง Clinique ก็ไม่ work ด่า Clinique ว่าไม่ได้เรื่อง
- พอกลับไปทาครีมสเตียรอยด์ที่เคยใช้ แน่ะสิวยุบใน 2 วัน ทุกอย่างคืนสู่สภาพเดิม หน้าใสเป็นกระจกอีกครั้ง อ้าวว ใช้ได้ผลดีจัง อุปมาอุปมัยเหมือนคนติดยา กินยาบ้ายาม้า ของแรงๆ มาตลอด วันดีคืนดีก็ไปกินยาคูลท์แทน ก็ไปด่ายาคูลท์ว่าไม่ดี แพ้ยาคูลท์
คนติดสเตียรอยด์จะประมาณว่าเหมือนคนติดยา พอได้รับยาอาการดีขึ้นเร็ว หาย หน้าใส แต่เมื่อไหร่ที่หยุด หน้าจะพังและร่างกายลุกขึ้นมาประท้วงว่าต้องการยา เราต้องใจแข็งมากๆในการหยุดใช้ให้ได้ คนส่วนมากมักท้อใจ เหนื่อยใจ และหมดกำลังใจ แต่อีกหลายคนก็ผ่านมันไปได้ อย่าตกเป็นทาสของมันต่อไป
การรักษาสิวสเตียรอยด์ หรือคนที่ติดสเตียรอยด์แล้ว เป็นเรื่องเหมือนการรักษาคนที่ติดยาเสพติด ต้องใช้ความใจเย็น เพื่อการกลับคืนของผิวหนังแบบธรรมชาติอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะกลับเข้าไปอยู่ในวังวนการรักษาแบบเดิมๆ ที่ไม่มีวันหายขาด
สารสเตียรอยด์เราพบได้ที่ไหนบ่อยที่สุดและมากที่สุด
1.ยาแต้มสิว
2.ยาฉีดสิว
3.ยาทานแก้สิวอักเสบ
4.ครีมหน้าใส หน้าขาว หน้าเด้ง
5.ครีมรักษาสิว
การดูจากฉลากก็ไม่แน่ว่าจะผสมสารสเตียรอยด์หรือเปล่า เราไม่มีทางรู้ได้ (ฉลากไม่เขียนว่ามีหรอก) เราอาจสังเกตุง่ายๆว่า เมื่อทาผิวหน้าแล้ว ผิวหน้าที่มีปัญหาเหล่านั้นจะหายไปเร็วมาก หน้าจะใส เนียน ขาว ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันสั้น แต่สารสเตียรอยด์เหล่านี้จะสะสมอยู่ในผิวเป็นเดือน หรืออาจเป็นปี จากนั้นก็ได้เวลาที่มันจะแสดงฤทธิ์เดชให้เห็นว่า ทำลายผิวหน้าไปแล้วขนาดไหน
ในปัจจุบันครีมหลายยี่ห้อที่ต้องการความรวดเร็วในการเห็นผล หรือรักษาแบบตั๋วด่วน มักจะผสมสารสเตียรอยด์ เราก็จะได้เห็นฤทธิ์เดชของผลข้างเคียงที่มีความอันตรายกล่าวคือ
1.ผด ผื่น ขึ้นง่ายมาก
2.เกิดสิวผด เป็นปื้นๆ
3.ผิวแดง เหมือนแพ้อะไรมา
4.อาการคัน
5.ผิวบางและแพ้ง่าย โดนอะไรนิดอะไรหน่อยก็แพ้
6.สิวเม็ดแดงๆ ขึ้นกระจายทั่วทั้งหน้า หรือเป็นกระจุกบริเวณใดบริเวณหนึ่ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการทาครีม จะเยอะมากเป็นพิเศษ
7.สิวอุดตันที่ขึ้นมา กดออกมาจะมีกลิ่นหรือไม่มีกลิ่นก็ได้ แต่มักจะแดง
8.สิวอักเสบที่มีเม็ดจะใหญ่และเจ็บ และไม่มีหัว จะเป็นอักเสบหัวแดง ใช้เวลานานกว่าจะยุบ
9.สิวขึ้นเห่อ
10.สำหรับคนผิวมัน หน้าจะมันขึ้น หลังหยุดใช้ครีมผสมสเตียรอยด์
11.ผิวจะดูเหี่ยวเร็ว เพราะสเตียรอยด์จะเข้าไปทำลายการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว หน้าหมองคล้ำได้เมื่อใช้เป็นเวลานาน ทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นดูแก่กว่าวัย
1.ไม่ควรใช้สเตียรอยด์อีกเลย
2.ไม่ควรใช้สารที่มีฟอง ล้างหน้า เช่น ในโฟม สบู่ เพราะมีโซเดียม หรือสารเคมีพวกโซเดียมลอริล/โซเดี่ยมลอเรตซัลเฟส หรือสารเคมีที่คล้ายๆกัน เพราะระคายเคืองผิวหนัง กระตุ้นการเกิดสิวกลับมาอีก
3.ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง ที่มีสารฟอกหน้าขาว สารลอกผิว.ปรอท.ฯลฯ เพื่อหวังหน้าขาว หรือลอกฝ้ากระ ซึ่งต่อมามักจะสร้างปัญหามากกว่าสิวด้วยซ้ำ
4.หันมาใช้สารธรรมชาติหรือสารสกัดธรรมชาติ แทน ในการล้างหน้า บำรุงผิว เท่าที่จำเป็น อาจต้องเอาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติบางประเภทเข้ามาช่วยในระยะสั้น
เมื่อทำได้ ความรุนแรงของการทำลายผิวหน้าตัวเองด้วยสารสเตียรอยด์ก็จะหมดไป หน้าก็จะกลับคืนสวยใสดั่งธรรมชาติที่ควรเป็นอีกครั้งหนึ่ง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)