ครีมกันแดด ฟิสิคอล กับ เคมีคอล แตกต่างกันอย่างไร ?
สารกันแดดมีเพียง 2 กลุ่มที่มีกลไกลการปกป้องผิวที่แตกต่างกัน คือ
1. Chemical
Sunscreen
การปกป้องรังสียูวีจะใช้คุณสมบัติในการ ดูดกลืนรังสี
UV ที่ช่วงความยาวคลื่นแตกต่างกัน
แล้วแต่ชนิดของสารกันแดดตัวนั้น
สารกันแดดชนิดเคมีมีทั้งแบบที่ละลายในน้ำมันและละลายในน้ำ
ด้วยคุณสมบัติการละลายจึงสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ทั้งชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ โดยครีมกันแดดชนิด Chemical ที่มีค่า SPF สูงๆจะมีสารกันแดดชนิดเคมีที่ดูดกลืนรังสี UVA รังสี UVB รวมกันหลายๆ ชนิด เพื่อให้ค่าการดูดกลืนรังสี UV ที่ครอบคลุมได้กว้างและมีผลในการช่วยส่งเสริมกันให้สามารถดูดกลืนรังสี
UVไว้ได้มากขึ้น การใช้ครีมกันแดดชนิดเคมีที่มีค่า
เอสพีเอฟสูง เกินความจำเป็นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเนื่องจากการสะสมสารกันแดดไว้ในผิวมากๆ
จะทำให้ผิวเกิดอนุมูลอิสระ และความร้อนภายในผิวชั้นใน
ยิ่งทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วยิ่งกว่าการโดนรังสี UV ทำร้ายเสียอีก
การใช้ครีมกันแดดที่มีสารกันแดดชนิดเคมีจะต้องปฎิบัติดังนี้
- ทาครีมกันแดดก่อนถูกแดด
30 นาที เนื่องจากต้องรอให้สารกรองรังสี UV พร้อมทำงาน
- ควรทาครีมกันแดด ทุก 2
ชั่วโมง เนื่องจากสารกรองรังสี UV
แม้มีความสามารถในการดูดกลืนรังสี
UV ไว้มากเพียงใด
แต่จะเสื่อมสลายคุณสมบัติดังกล่าวเมื่อทำงานครบ 2 ชั่วโมง
แล้วคุณจะทาครีมกันแดดชนิดเคมีที่ค่า SPF สูงกว่า
12 ทำไม ? ****** ตัวเลข คำนวณจาก 10 x 12 (SPF) = 120 นาที หรือ 2 ชั่วโมง
- การทาครีมกันแดดชนิดเคมีมีผลทำให้เกิดปฎิกริยา
Oxidation เกิดขึ้นที่ผิวมากขึ้น
ทำให้ความร้อนที่ผิวมากขึ้น จึงทำให้ผิวระคายเคือง แก่ และดำง่ายขึ้น
2. Physical Sunscreen
เป็นสารกลุ่มแร่ธาตุ
โดยที่นิยมใช้ในครีมกันแดดคือ ไทเทเนียมไดออกไซด์ และซิงค์ออกไซด์ สารกันแดดกลุ่มนี้จะปกป้องผิวโดย การสะท้อนรังสี ในความยาวช่วงคลื่นต่างๆ ทั้งช่วงคลื่น UVA หรือ UVB ขึ้นกับขนาดของอนุภาค ชนิดของผลึก
ความสามารถในการกระจายตัว และความเสถียร ความสามารถในการเกาะติดผิว โดยทั่วไปอนุภาคจะมีขนาด 100-10 นาโนเมตร จึงจะมีประสิทธิภาพสูง
ในการปกป้องทั้งยูวีเอ ยูวีบี
ถ้ามีขนาดใหญ่กว่านี้จะเป็นเพียงสารให้สีขาวที่อยู่เมคอัพเท่านั้น
สารกันแดด ชนิด Physical จะมีข้อดีคือ ไม่ทำให้ผิวเกิดความร้อน จึงอ่อนโยนและก่อให้เกิดการแพ้้ได้น้อยกว่าสารกันแดดชนิด
Chemical เพราะแร่ธาตุจะเป็นของแข็งที่ไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นลึก
แต่หากมีขนาดอนุภาคต่ำกว่า 40 นาโนเมตร
จะสะสมในชั้นหนังกำพร้าเท่านั้นไม่ซึมสู่ผิวชั้นหนังแท้เหมือนครีมกันแดดชนิดเคมี
ขนาดอนุภาคของสารกันแดด ชนิดฟิสิคอล
จะมีผลในการสะท้อนรังสี ที่มีความยาวคลื่นแตกต่างกัน
- ขนาดอนุภาค 40 - 80
นาโนเมตร จะสะท้อนรังสีทั้ง UVB
,UVA และ V Ray ได้ดี เหมาะกับครีมกันแดดที่ค่า SPF 15-30
เนื่องจากถ้าเกินจากนี้จะเริ่มขาววอก จึงเหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปที่ออกแดดสลับกับอยู่ในร่มโดนแสงไฟตลอดเวลา
หรืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ และมีผลในการปกป้องผิวจากริ้วรอยได้ดี
- ขนาดอนุภาค 10-40
นาโนเมตร จะสะท้อนรังสี UVB ได้ดีกว่า ดังนั้นจะให้ค่า SPF ที่สูงได้ถึง 40 ขึ้นไปโดยไม่ขาววอก แต่ไม่สะท้อนรังสี UVA และ V ray จึงเหมาะกับการใช้เวลาออกแดดแรง ๆ นานๆ
ไม่เหมาะกับการปกป้องผิวจากริ้วรอยในที่ร่ม
การใช้ครีมกันแดดชนิด Physical
1.
ทาครีมแล้วถุกแดดได้ทันที ไม่ต้องรอ
2. ครีมกันแดดชนิดนี้
ถ้าเป็นสูตรกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่จำเป็นต้องทาบ่อย ทาครั้งเดียวปกป้องผิวได้ทั้งวัน เนื่องจากความสาารถในการสะท้อนรังสีขึ้นกับประสิทธิภาพในการเกาะติดที่ผิว
3.
ครีมกันแดดชนิดฟิสิคอลที่ดี จะไม่ทำให้สีผิวเปลี่ยน
แต่สารกันแดดชนิดฟิสิคอลที่คุณภาพต่ำอาจทำให้สีผิวดูคล้ำขึ้น เนื่องจากปฎิกริยา
ออกซิเดชั่น ที่ผิวของสารกันแดด อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากการไม่ซึมซาบเข้าสู่ผิวชั้นลึกจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาเรื่องความร้อน
และการระคายเคืองเหมือนครีมกันแดดชนิดเคมี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น